Ex-SHIELD : Post-Mission 1

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ

“…ชีลด์เคยพบกับวัตถุชี้นนี้มาก่อน” เสียงตุ้บเบาๆจากการที่แฟ้มหนาเตอะถูกทิ้งลงบนโต๊ะประชุมปลุกให้เจ้าหน้าที่วัยกลางคนที่นั่งอยู่ ณ ริมสุดของโต๊ะตื่นจากภวัง เขากระพริบตาถี่รัว ปรับโฟกัสของตนให้กลับมาอยู่กับเรื่องตรงหน้า

เขาเห็นว่าปกแฟ้มถูกตราด้วยสัญญลักษณ์ชีลด์เด่นหรา ถูกทับด้วยตรา 0-8-4 สีแดงเข้มอีกที

ทันทีที่ทุกคนเห็นว่ามีอะไรอยู่ในแฟ้ม (ยกเว้นอลิสแตร์ เขาอยู่ไกลเกินกว่าจะอ่านตัวหนังสือเล็กกระจิดหริดบนกระดาษสีเหลืองกรอบนั่นออก และคนในรูปขาวดำขนาดสี่คูณหกนิ้วนั่นก็เลือนลางเกินกว่าจะบอกได้ว่าเป็นใคร) ความเงียบก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงพูดคุยที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อห้องประชุมกลับมาสงบอีกครั้ง(อย่างไม่ได้นัดหมาย) เอเจนท์ฮาร์เปอร์ ผู้เป็นหัวหน้าในการประชุมครั้งนี้ได้ยกหน้าที่ต่อให้กับเอเจนท์มุราคามิ

เอเจนท์ลูกครึ่งเอเชียนอธิบายถึงความเกี่ยวข้องระหว่างวัตถุที่ทีมได้พบในโกดังร้างที่แมนฮัตตันกับประวัติของวัตถุ0-8-4 อีกชิ้นที่อยู่ในฐานข้อมูลของชีลด์ ซึ่งขณะนี้เชื่อว่าวัตถุทั้งสองอย่างคือสิ่งๆเดียวกัน

หลักฐานสำคัญที่สนับสนุนทฤษฏี เป็นคลิปเสียงซึ่งดึงมาจากไฟล์ของชายชุดดำ

ชายหนุ่มสั่งการให้คอมเล่นคลิปดังกล่าวพร้อมกับอธิบายควบคู่กันไป

คลิปดังกล่าวเป็นคลิปเสียงของกัปตันเรือที่กำลังบรรทุกวัตถุชิ้นนี้ไปส่ง สรุปใจความได้ว่า กัปตันมีความกังวลใจเนื่องจากวัตถุชนิดนี้เมื่อใครมีไว้ครอบครองจะวอดวายฉิบหาย เอาลงเรือลำไหนเรือลำนั้นจะอัปปาง ทั้งนี้เชื่อว่าความเคราะห์ร้ายดังกล่าวเป็นผลพวงม่าจากการพิโรจของเทพเจ้าที่ถูกขโมยอาวุธไป 

“จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าในความเป็นจริงนั้น การที่เรือต่างๆล่ม ล้วนเกิดมาจากฝีมือของมนุษย์ทั้งสิ้นครับ” ชายหนุ่มกล่าว

“อย่างไรก็ตาม” เอเจนท์มุราคามิทิ้งท้าย “เรายังไม่พบหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเป็นฝีมือมนุษย์”


อลิสแตร์เบียดตัวเองผ่านช่องว่างซอกแซกไปข้างหน้าเพื่อให้พ้นจากพนักงานตัวอ้วนกลมจำนวนหนึ่งที่แตกตื่นกับเสียงสัญญาณหนีไฟคนพวกนี้พยายามจะใช้หน้าอันใหญ่โตของตนดันให้คนตัวเล็กกว่าที่เดินอยู่หน้าตนรีบเดินออกไปเร็วๆ ได้ยินเสียงข้อความจากโทรศัพท์ซึ่งตอนนี้ถูกกำแน่นอยู่ในมือหนึ่งเพราะวิตกว่าอาจจะถูกเบียดจนทำมันหล่นหายไปก็เป็นได้ อลิสแตร์บอกกับตัวเองว่าเดี๋ยวค่อยอ่านตอนออกไปข้างนอก แต่เนื่องจากการอพยพเหมือนจะติดอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหนมาสักพักแล้ว เขาจึงเปลี่ยนใจยกโทรศัพท์ขึ้นมา แม้จะลำบากแต่เขาก็สามารถยกโทรศัพท์ขึ้นมาให้อยู่ในระดับที่อ่านได้

มีคนทำลายศพ ห้องชันสูตร ด่วน

MH

กลิ่นเปรี้ยวแสบจมูกของกรดเข้มข้นทักทายเขาทันทีที่เขาแง้มประตูแบบบานพับให้เปิดออก ควันไฟบดบังทัศนวิสัย ประสาททุกอย่างของเขาตอนนี้ตื่นตัวเต็มที่เพื่อชดเชยประสาทด้านการมองเห็น มีเสียงกุกกักจากด้านขวา เขาบิดตัวเก้าสิบองศาเล็งกระบอกปืนไปยังที่มาของมัน แทนที่จะเป็นคนร้ายในชุดดำ เขากลับได้พบกับใบหน้าสีซีดที่ยากจะลืม เอเจนท์ฮาร์เปอร์นั่นเอง

เป็นการกระทำที่อุกอาจและยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ สิบสองชั่วโมงผ่านไปยังไร้ร่องรอยของคนร้าย มีเพียงภาพวงจรปิดสั้นๆเท่านั้นที่พอจะเป็นเบาะแสได้ สารที่ใช้เป็นตัวทำลายศพ กรดซัลฟิวริก กับ โซดาไฟ ทำปฏิกิริยากันเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ ก็สามารถหาได้ทั่วไปตามห้องแล็ปเด็กมัธยม

ความเสียหายโดยรวม เนื้อเยื้อศพหลายส่วนเสียหายจากการที่โดนกรดกัดและโดนไฟเผา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ศพเสียสภาพจนชันสูตรต่อไม่ได้ มีคนให้ข้อสังเกตว่าถ้าอยากจะทำลายศพจริงๆไม่น่าจะทำให้เอิกเกริกขนาดเสียงสัญญาณไฟไหม้ดัง จุดประสงค์ที่แท้จริงของการบุกครั้งนี้จึงยังคลุมเครือ


หลายวันแล้วที่มิชชั่นที่ทีมเขากำลังทำอยู่ไม่มีความคืบหน้า เบาะแสใหม่ๆที่ปรากฏขึ้นก็ยังไม่ชัดเจนพอที่จะส่งสุนัขล่าเนื้อออกไป ทำให้คนประเภทที่เหมาะจะใช้กำลังมากกว่าสมองอย่างเขาได้แต่รอ

มีคำสั่งลงมาถึงสมาชิกในทีมทุกคนให้ระวังตัวมากขึ้นหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับห้องชันสูตร ในฐานะที่อลิสแตร์เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบู๊คนหนึ่งในทีม เขาก็อดเป็นห่วงเจ้าเด็กเนิร์ดๆในเสื้อกาวน์ไม่ได้ เจ้าเด็กพวกนี้มันเคยไปถ้าตีถ้าต่อยกับคนอื่นซะที่ไหน ถ้าจะบอกว่ามีเรื่องอะไรให้หนีไว้ก่อน มันก็ใช่ว่าจะได้ผล เพราะต่อวิ่งให้เร็วแค่ไหนก็แซงความเร็วของกระสุนปืนไม่ได้

และสิ่งที่เขากลัวมันก็เกิดขึ้น

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมดจนเขาเองไม่สามารถเรียงลำดับได้แล้วว่าอะไรเกิดก่อนหลังหรือมันเกิดขึ้นพร้อมๆกัน เขาจำได้ว่าไปเยี่ยมมุราคามิที่กำลังพักฟื้น วันถัดมาเขาก็ต้องกลับไปเยี่ยมเอลดริจอีก เขาอยู่ในเหตุการณ์ที่คอนเนอร์เปิดซองจดหมายที่บรรจุผงแป้ง โดนกักตัวเป็นวันๆเพราะ ผงแป้ง แล้วรถหัวหน้าฮาร์เปอร์ก็ระเบิดก่อนที่เอเจนท์ผิวสีซีดจะได้เข้าไปไกล้

ไม่ได้ตั้งใจจะให้ตาย แค่เย้ยหยัน

ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ความรู้สึกที่ปกป้องคนในการดูแลของตนเองไม่ได้ มันกลับมาท้วมท้น สดใหม่ ราวกับเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง

พยายามปล่อยอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นไป ตามที่เขาเคยผ่านการฝึกมา

หายใจเข้า

หายใจออก

หายใจเข้า

หายใจออก

หายใจเข้า

หายใจออก

เหมือนเคลียร์หมอกควันที่บดบังความคิดเขาอยู่ออกไปทำให้เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

รู้สึกเหมือนกับว่ามีคนกำลังมองมาที่ตัวเขาอยู่


เช้าวันถัดมา มีซองกระดาษสีน้ำตาลขนาดใหญ่วางอยู่ที่ประตูหน้าของแฟล็ตเขา เขามองซ้ายขวา แน่นอนว่าตลอดทางเดินไม่มีใคร อดีตนาวิกย่อตัวลงตรวจสอบพัสดุอย่างพิจราณา ก้มลงดูข้างใต้ว่ามีกลไกอะไรซ่อนไว้ไหม

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างใต้ เขาดึงแขนเสื้อคลุมอยู่บ้านลงมาใช้แทนถุงมือเพื่อจะได้ไม่สัมผัสกับซองกระดาษโดยตรง เขาชั่งน้ำหนักของมันในมือก่อนจะเอาหูแนบว่ามีเสียงอะไรมั้ย

หลังจากตรวจสอบพัสดุปริศนาจนพอใจ อลิสแตร์แต่งตัวอย่างรวดเร็วแล้วขับรถนำเจ้าซองนี้ไปทริสกีเลี่ยน

อย่างน้อยเปิดมันในแล็ปคงปลอดภัยกว่าเปิดที่บ้านล่ะวะ

เขานำซองที่ได้มาไปหาทีมของเขาที่กำลังทำงานกันอย่างขมักเขม้นกันอยู่ในแล็ป ใช้มีดแล็ปกรีดซองเปิดออก เทของออกมาด้วยความลุ้นระทึก ภายในเป้นรูปขนาดสี่คูณหกนิ้ว เป็นภาพขาวดำความละเอียดสูงของ… อลิสแตร์ เลอร์วิค??? ในอิริยาบทต่างๆ ในที่ต่างๆ กับคนต่างๆ พร้อมกับโน้ตเล็กที่ทำมาจากตัวอักษรในแม็กกาซีน

          EnJOy YoUR dAy!

เลือดในกายเขาเย็นเฉียบ

มีจดหมายอีกฉบับที่เพิ่งส่งมาเมื่อเช้าที่ทริสกีเลี่ยน จ่าหน้าถึงทีมเอชโดยเฉพาะ ข้อความเกิดจากการเอาตัวอักษรในแมกกาซีนมาแปะติดเหมือนกัน เป็นใจความสั้นๆว่า

          CaTch mE if YoU caN

EX-SHIELD MISSION 1 : 0-8-4

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ

MISSION IMPOSSIBLE by Alistair Lerwick and Team

Team H

บริเวณท่าเรือในแมนฮัตตัน มีรายงานว่ามีวัตถุซึ่งน่าจะเป็น 0-8-4 ถูกซุกซ่อนไว้ภายใน โกดังมีลักษณะเป็นโกดังเก็บของร้างซึ่งมีขนาดเป็นสองเท่าครึ่งของขนาดปกติ ภายในโกดังมีเครื่องจักรในการขนย้ายสินค้าและชั้นเก็บสินค้าอยู่จำนวนมากซึ่งทั้งหมดไม่ได้รับการบำรุงรักษามาเป็นระยะเวลานานแล้ว ด้านในสุดของโกดังเป็นส่วนของสำนักงานซึ่งถูกปิดตายประตูไว้ อนุญาตให้เข้าค้นภายในได้

0-8-4 มีความสามารถในการปล่อยคลื่นความถี่ต่ำ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต

คำแนะนำ : แบ่งทีมค้นหาภายในตัวโกดังและส่วนสำนักงาน จะสามารถค้นหาได้รวดเร็วกว่าไปค้นหาพร้อมกัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าทีมและสมาชิก

BXN0259X_02.tif

อุปกรณ์สำหรับการเข้าค้นหาวัตถุหมายเลข 0 – 8 – 4 จากการวิเคราะห์ของแผนกไบโอ
  • เครื่องตรวจสอบแหล่งกำเนิดคลื่น 2 เครื่อง โดยที่ตัวเครื่องจะประมวลผลข้อมูลทั้งหมดที่เก็บรวบรวมได้ส่งให้กับไบโอเคมิสต์ (คอนเนอร์) ที่ประจำการในแลปวิจัยเคลื่อนที่เพื่อสรุปผลส่งต่อมายังแต่ละ่หน่วยทีมที่ลงไปค้นหาวัตถุ
  • โดยทุกทีมจะได้รับจอโฮโลแกรมแบบพกพาเพื่อรับข้อมูลในระหว่างการค้นหา ( ทั้งหมด 3 เครื่อง )
  • เครื่องวิเคราะห์และระดับความถี่คลื่น สำหรับแยกประเภทคลื่นที่บันทึกได้ในเวลานั้น และวัดระดับความถี่คลื่นเพื่อระบุเป้าหมายที่กำลังสืบค้น ( ทั้งหมด 3 เครื่อง )
  • โตรนสำรวจ 6 ตัว เพื่อค้นหา และเก็บชิ้นส่วนตัวอย่างของวัตถุดังกล่าวเพื่อนำมาทดลองทางวิทยาศาสตร์ก่อนหาวิธีที่เหมาะที่สุดในการเคลื่อนย้ายออกจากสถานที่ดังกล่าว

*(ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บตัวอย่างออกมาตรวจสอบได้ ฝ่ายไบโอเคมิสต์จำป็นต้องลงไปตรวจสอบวัตถุดังกล่าวด้วยตัวเอง)

  • เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับเคลื่อนย้ายวัตถุต้องสงสัย  แต่เนื่องจากยังไม่สามารถระบุขนาด และรูปร่างของวัตถุได้ อาจจำเป็นต้องติดต่อขออุปกรณ์ดังกล่าวภายหลัง

แผนการหลบหนี จากแผนก Tech Expert

  • สถานการณ์ปกติ : ใช้รถตู้ไป-กลับ ระหว่างท่าเทียบเรือ 54 และโกดังร้าง
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน : มีรถเก๋งสองคันและมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันจอดอยู่ไม่ห่างจากโกดังร้าง มีกุญแจรีโมทให้ไว้กับแต่ละทีม
  • ใช้เส้นทางตามที่ใส่ข้อมูลไว้ให้ในสมาร์ทโฟน เป็นเส้นทางที่แยกย้ายกันไป และไปรวมตัวกันที่สถานที่ลับ ที่นัดหมายกันไว้ เพื่อบินเฮลิคอปเตอร์กลับทริสเกเลี่ยนพร้อมกัน
  • สถานที่นัดหมายกรณีฉุกเฉิน : ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั้นที่ 42 ของอาคาร Goldman Sachs Tower อยู่ฝั่งนิวเจอร์ซีย์ อีกฟากของแม่น้ำฮัดสัน จะมีเจ้าหน้าที่ของชีลด์รออยู่ที่นั่น ที่ลิฟต์ตัวที่ 36 ให้ไปถึงที่หมายตามเวลาที่หัวหน้าจะนัดหมายไว้ล่วงหน้า

หมายเหตุ : ถ้าจำเป็น เจ้าหน้าที่แมทเธโอสามารถเข้าไปแฮ็คระบบสัญญาณไฟจราจรได้ เตรียมการไว้พร้อม

photo ww1

แผนตรวจสอบ 0-8-4 แผนกภาคสนาม 

Alpha team         : M. Harper + E. Zack       รับผิดชอบ พื้นที่โซน 1

Beta team           : E. Law + M. Murakami   รับผิดชอบ พื้นที่โซน 2

Delta team           : A. Lewick + Q. Sullivan  รับผิดชอบ พื้นที่โซน 3

HQ                     : N. Corner สำรวจเส้นทางอยู่ข้างนอกเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน


0350

          ชายวัยหนุ่มตอนปลายร่างกายกำยำปรากฏตัว ณ ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ในชุดปฏิบัติการณ์ แจ็กเก็ทคาร์โก้ไม่มีแขนทับเสื้อยืดสีเข้ม เสื้อเกราะกันกระสุนพาดอยู่บนบ่า เป้ผ้าสีดำบรรจุแน่ไปด้วยอุปกรณ์และอาวุธต่างๆตามที่ระบุ

          เมื่อขึ้นเครื่อง ได้เอ่ยทักสมาชิกคนอื่นที่มารอก่อนแล้ว ก่อนจะรับไฟล์ภารกิจเพิ่มเติมที่เอเจนท์ฮารเปอร์ หัวหน้าทีม ส่งให้มาศึกษา

เนื้อหาในไฟล์ภารกิจเพิ่มเติม 

          จากข้อมูลแผนเข้าสำรวจบริเวณอ่าวแมนฮัตตัน ณ โกดังร้างที่มีรายงานว่าพบวัตถุต้องสงสัย อยู่บริเวณท่าเทียบเรือหมายเลข 54 ที่ตั้ง 11th Ave. (at 13th St.)

            : ท่าเทียบเรือหมายเลข 54 หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ท่าเทียบเรือเชลซี เป็นท่าเทียบเรือที่ไม่ใช้งานแล้ว ปัจจุบันเหลือแค่ส่วนโค้งตรงทางเข้าท่าเรือเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่านี่คือท่าเรือสำคัญในอดีต แต่ยังสามารถนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้ โดยเฉพาะตอนกลางคืนจะไม่เป็นที่สังเกตุมากนัก หรือจะทำเป็นถ่ายทำภาพยนตร์บังหน้าก็ได้ มีกองถ่ายภาพยนตร์มาใช้งานบ่อย และมีถนนที่เชื่อมต่อกับท่าเรือที่สามารถให้นำยานพาหนะอื่นไปจอดเตรียมไว้ได้อีกด้วย
           : ตัวท่าเทียบเรือ 54 เอง ก็มีรายงานว่ามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในอดีตเป็นท่าเทียบเรือของสายการเดินเรือคูนาร์ด ที่เรือคาร์พาเทียนำผู้โดยสารจากเรือไททานิคที่จมมาส่งขึ้นฝั่ง และเป็นท่าเทียบเรือที่ปล่อยการเดินทางคร้ังสุดท้ายของเรือลูซิทาเนีย ก่อนจะอัปปางลงเนื่องจากถูกยิงในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง 
: ท่าเทียบเรือ 54 ถูกไฟไหม้ในปี 1932 จนเลิกใช้งานไปพักใหญ่ และถูกทุบทิ้งในปี 1991 จนเหลือแต่ส่วนโค้งหน้าทางเข้าตามรูปข้างต้น และเลิกใช้งานเป็นการถาวร
           : โกดังร้างอยู่เลยขึ้นไปทางเหนือประมาณหนึ่งกิโล เดิมเป็นโกดังเก็บของของบริษัทของเล่นแห่งหนึ่ง แต่ถูกทิ้งร้างโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด โดยยังมีเครื่องจักรในการขนย้ายสินค้าและชั้นเก็บสินค้าอยู่จำนวนมากซึ่งทั้งหมดไม่ได้รับการบำรุงรักษามาเป็นระยะเวลานานแล้ว ด้านในสุดของโกดังเป็นส่วนของสำนักงานซึ่งประตูถูกปิดตายไว้
           : โกดังแห่งนี้ มีพื้นที่กว้างกว่าโกดังปกติประมาณสามเท่า และมีสามชั้น
               ชั้นล่าง เป็นส่วนของ Pedestal of Mirrors
               ชั้นที่สอง เป็นส่วนของชั้นวางสินค้า Abandoned Merchandise
               ชั้นที่สาม เป็นส่วนของสำนักงานที่มีบันไดเวียนแคบๆสำหรับเดินขึ้นไป

          มอบหมายให้มีการแสดงบทบาทสมมติ ดังนี้

              • นักแสดง extra คือตัวหัวหน้าเอง (เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : คุณชายหน้าตาดีลูกคนเดียวของบ้านที่เบื่อชีวิตหรูหราเลยออกมาใช้ชีวิตแบบบ้านๆ หาเงินเอง)
              • ผู้กำกับคือมิสเตอร์เอลดริดจ์ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : ผู้กำกับของกองถ่าย ตอนเด็กเติบโตมาอย่างลำเค็ญ หวังจะถ่ายหนังอินดี้เพื่อส่งเข้าประกวดเมืองคานส์)
              • มิสเตอร์เลอร์วิค คนขับรถของกองถ่าย ควบทำงานจับฉ่ายบางครั้งควบบทผู้กำกับกับฝ่ายสถานที่ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : ทหารพรานวัยปลดระวางผันตัวเองมาทำหนังเพื่อชีวิตแต่ไปไม่รอด เปลี่ยนงานหลายครั้งจนกลายมาเป็นคนขับรถ ความฝันสูงสุดคืดพรมแดงของเทศกาลหนังเมืองคานส์)
              • มิสเตอร์มุราคามิและมิสเตอร์ซัลลิเเวน แผนกช่างไฟ และงานกรรมกรจิปาถะ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : สองคนนี้เป็นเด็กในชนบทที่เป็นเพื่อนสนิทกันและรักหลงไหลในเรื่องเหนือธรรมชาติและวิทยาศาสตร์เคยลงขันกันเพื่อไปศึกษามนต์ดำที่เขมร
              • คอสตูม มิสเตอร์คอนนอร์ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : เกย์หนุ่มไฟแรงที่จับพลัดจับพลู่มาตกระกำลำบากกับกองถ่ายนี้ด้วยความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ชอบกระดกนิ้วเวลาดื่มน้ำ)
              • ผู้จัดการส่วนตัว มิสเตอร์ลอว์ (แจก เอกสารวางปูมหลังกำกับเพื่อช่วยให้เข้าถึงบทบาทในการปลอมตัวและตอบคำถาม : เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นเบ้ส่วนตัวมากกว่าผู้จัดการ ประวัติไม่แน่ชัดอาจจะถูกนักแสดงนำตกมาจากบาร์โทรมๆสักแห่ง) 

อลิสแตร์อ่านมาถึงตรงบทบาทที่ตนต้องแสดงก็เริ่มทำหน้าไม่ถูก ควรจะตื่นตากับความสร้างสรรค์ของเอเจนท์ฮาร์เปอร์ หรือจะไปขำบทที่ตัวเองได้รับดี

หลังจากที่ทุกคนได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของตนในภารกิจครั้งนี้แล้ว เอเจนท์ฮารเปอร์ได้ทำการสรุปแผนปฏิบัติงานอีกครั้งโดยเมื่อถึงพื้นจะให้กระจายกันออกตามหาเบาะแสของโกดังดังกล่าวก่อน หากเจอโกดังแล้วจะแบ่งคนออกเป็น สามทีมแรกจับคู่ค้นหาวัตถุ 0-8-4 ในส่วนพื้นที่โกดังที่ได้รับมอบหมาย แต่ละทีมจะได้โดรนคนละสองตัวเพื่อช่วยหา แล้วจะมีเอเจนท์คอนเนอร์ทำหน้าที่เป็นHQ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากโดรน รวมถึงดูต้นทางด้วย

1310

ลมจากอ่าวพัดผ่านตรอก ท้องฟ้าที่ดูแจ่มใสกลับไม่อบอุ่นอย่างที่คาด เขากระชับเสื้อแจ็กเก็ทหนังตัวเก่งให้แนบตัวมากขึ้นเพื่อความอบอุ่น เป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมงแล้วที่อลิสแตร์ เลอร์วิค เจ้าหน้าสเปเชียลลิสท์ประจำทีมเอช ออกตามหาเบาะแสของโกดังร้างที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของวัตถุ 0-8-4 สิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่าเบาะแสที่สุดจริงๆคงเป็นคำของหญิงชราที่ถามเขาว่า ‘พ่อหนุ่มหมายถึงโกดังผีสิงนั่นใช่ไหม?’ แค่นั้น เพราะหญิงชราคนดังกล่าวเป็นอัลไซเมอร์ เมื่อเขาขอให้เธอบอกสถานที่ตั้งของโกดัง เธอกลับถามว่าเขาเป็นใคร ต้องการอะไรจากเธอ เขาแนะนำตัวใหม่แล้วถามเธอเรื่องโกดังอีกครั้ง เธอก็ถามเขาประโยคเดิม แล้วก็ลืมเขาอีก เขาพยายามอยู่เช่นนี้ประมาณห้ารอบเห็นจะได้ ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ และผละจากหยิงชราที่น่าสงสารคนนั้นมา

เขากำลังจะกลับไปยังจุดนัดพบเพื่อปรับยุทธวิธีใหม่ พอดีกับที่เสียงแจ้งเตือนเมสเสจจากโทรศัพท์ดัง ข้อความจากเอเจนท์ฮาร์เปอร์ ระบุว่าเจอเบาะแสแล้วให้ไปพบกันที่บาร์แห่งหนึ่งในอีกยี่สิบนาที

ป้ายหลอดไฟนีออนแตกๆสะกดเป็นชื่อผับที่ดูเหมือนไปหามาจากกองขยะมากกว่าซื้อมาติด สีอาคารของผับก็มอซอมีรอยร้าวเล็กๆเต็มไปหมด บางรอยถึงกับมีวัชพืชต้นเล็กต้นน้อยแข่งกันเชิดหน้าชูตาออกมารับแขก ตัวร้านภายนอกว่าแย่แล้ว เมื่อก้าวไปข้างใน บรรยากาศขมุกขมัวอันเกิดมาจากการควันของบุหรี่และยาที่ใช้สูบต่างๆบดบังทัศนวิสัย และช่างไม่เป็นมิตรต่อระบบทางเดินหายใจ เอเจนท์ชาวสก็อตหรี่ตามองหาสมาชิกในทีม เขาเห็นเอเจนท์ฮาร์เปอร์กำลังคุยอยู่กับเด็กวัยรุ่นสองคน ส่วนเอเจนท์คนอื่นนั่งกระจายตัวอยู่ตามส่วนต่างๆของผับ เขาเลือกทำเลของตนแล้วนั่งลงบ้าง

“เฮ้ลุง!! ตกลงเอาไง?” คนอื่นในผับเริ่มหันมาสนใจ อลิสแตร์และสมาชิกคนอื่นที่นั่งคุมเชิงอยู่ไม่ไกลจากพื้นที่เจรจานักต้องใช้สายตาและภาษากายปรามเล็กน้อย อาจจะดูนักเลง แต่การเข้ามาในพื้นที่ปิดอย่างผับนั้นค่อนข้างเสี่ยง ทางออกก็มีเพียงทางเดียว ซ้ำยังอาจถูกล้อมอีก ฉะนั้นตอนนี้ตัวเขาเองพร้อมจะปะทะตลอดเวลา หากมีใครเล่นอะไรตุกติก

สังเกตเห็นการแลกเปลี่ยนรูปถ่ายของวัยรุ่นกับบัตรไอดีปลอมของเอเจนท์ฮาร์เปอร์ “รอที่นี่ เดี๋ยวจะมีคนเอาเงินมาให้” เหมือนจะปิดการเจรจาได้แล้ว เขาคิด เอเจนท์ฮาร์เปอร์หันมาพยักหน้าให้เพื่อเป็นการคอนเฟิร์ม พวกเขาจึงลุกตามหัวหน้าทีมของตนออกไป

1930

จากเบาะแสที่ได้จากผับ และรูปถ่ายหนึ่งใบที่อ้างว่าเป็นภาพถ่ายติดวิญญาณ พวกเขาเดินทางมายังโกดังอันมีชื่อ

มือกร้านตรวจเช็คอุปกรณ์ต่างๆที่ตนเตรียมมา จัดเสื้อเกราะกันกระสุนให้เข้าที่ ระเบิดและแก๊ซน้ำตาอย่างละสองลูกถูกล็อกไว้กับเข็มขัด .45 อยู่ในซองปืนที่ต้นขาขวา เขารู้สึกว่าพร้อมแล้วจึงหันไปช่วยเจ้าหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ภาคสนามเตรียมตัว

ในการสำรวจโกดังอลิสแตร์คู่กับเอเจนท์ซัลลิแวน เอเจนท์ผู้ทำหน้าที่เป็นแอดมินนิสสเตรเตอร์ประจำทีม อัธยาศัยดี และสีผมร้อนแรงไม่แพ้เขา

ทันทีที่ผ่านพ้นประตูของโกดัง เกิดลมเย็นๆที่ไม่รู้ที่มาที่ไปพัดผ่านเครื่องจักร เกิดเป็นเสียงหวีดหวิว เหมือนคนผิวปาก ประตูโกดังสั่นกึกๆตามแรงลมที่รุนแรงขึ้น ก่อนทุกอย่างหยุดลงอย่างน่าประหลาด ขนที่ต้นคอลุกชันเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาจะสำรวจที่นี่ให้เสร็จทันก่อนเวลานัดหมาย 2100 เขาต้องเริ่มทำงานได้แล้ว เมื่อคิดได้อย่างนั้น จึงกระชับอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อม ก่อนจะออกเดินไปยังโซนที่ตนเองรับผิดชอบ โดยหวังว่าเควนตินจะเดินตามมาเอง

ช่องทางเดินใหญ่พอที่จะให้ผู้ชายตัวใหญ่สามคนเดินกันเป็นหน้ากระดานได้ เขาเดินขนาบข้างเควนติน คอยดูแลความปลอดภัยและฉายไฟให้ ส่วนแอดมินนิสสเตรเตอร์ป็นผู้ควบคุมโดรนและคอยสังเกตวัตถุต่างๆ เขาจะหยุดเมื่อเควนตินหยุด จะไปต่อเมื่อเควนตินไป เสียงฝีเท้าของเขาแผ่วเบาแม้เขาจะเป็นคนตัวใหญ่และใส่รองเท้าคอมแบท  เควนตินแทบจะไม่ได้ยินเสียงเขาเลยหากไม่มีการสนทนาเกิดขึ้น

โดรนตรวจเจอวัสดุที่ปนเปื้อนรังสีบ้าง สารเคมีมีพิษร้ายแรงที่ไม่น่าจะมาพบอยู่ในโรงงานแห่งนี้บ้าง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของวัตถุ 0-8-4 ที่เป็นต้นตอนของคลื่นความถี่ต่ำ อยู่ดีๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงโครมครามมาจากอีกฟากหนึ่งของโกดัง สัญชาติญาณทำให้ผลักเควนตินเบาๆให้ไปอยู่ระหว่างชั้นวางตุ๊กตา ส่วนตนเองรีบถอยมาอยู่ในระหว่างชั้นเช่นกันแต่เป็นคนละฝั่งทางเดิน นิ้วชี้แตะริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายอย่าส่งเสียง เขาได้ยินเสียงผู้ชายสองคน ไม่สามคน

“ไอ้พวกเวร! มึงไม่เข้าใจที่กูสั่งหรือไงวะ?!” เสียงทุ้มต่ำตะคอก

“แต่— ท่านครับ—— เมื่อกี้ เมื่อกี้ของมันหล่นลงมาเอง”

“มี—- เสียง——– ฟ้าผ่าด้วยครับ” เสียงโทนต่างกันเล็กน้อยสลับกันพูด มีเสียงหอบขั้น ทำให้เอเจนท์สองคนที่แอบฟังอยู่จับความไม่ค่อยได้

“พวกมึงมันไม่ได้เรื่อง!” เสียงเหมือนมีคนโดนเตะดังตามมา

“มึงคิดว่าผีมีอยู่จริงใช่มั้ย มึงตาย แล้วกลับมาเป็นผีนะ กูจะเชื่อมึง” เสียงตุ้บตั้บดังขึ้นแล้วก็เงียบไป

อลิสแตร์รอจนคนกลุ่มนี้เดินพ้นเขตตนเองไปแล้ว จึงรายงานผลกลับไปยังเอเจนท์ฮาร์เปอร์

2200

สันนิฐานแรกคือกลุ่มคนพวกนี้เป็นพวกปล่อยข่าวเรื่องผีของโกดัง แต่ต่อมากลับไม่ใช่ เมื่อพวกเขาแสดงท่าทีหวาดผวากับเสียงการเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่งของตกเพราะลมพัด ทีมเอชจากแผนผู้เข้าสำรวจบัดนี้กลายเป็นผู้บุกรุกหมายเลขสอง หลังจากประชุมและสรุป แผนการทั้งหมดจำเป็นต้องล้มเลิกเพราะเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แผนสำรองของสถานการณ์ถูกหยิบมาใช้  และบัดนี้พวกเขาตั้งตัวเป็นผู้ช่วงชิง
  •  มุราคามิพร้อมกับเลอร์วิคเข้าไปขโมยข้อมูลในแลปท๊อปของพวกเขาที่ ตั้งอยู่ด้านตัวอาคารสำนักงานใหญ่ชั้น 3 ในห้องที่รับข้อมูลมากว่าถูกปิดตายเอาไว้ จากการสำรวจพบว่ามันถูกเปิดออกและใช้เป็นแหล่งประชุมใหญ่ของกลุ่มทีมคนชุดดำ และเพราะเป็นส่วนที่อยู่ลึกจึงมียามเฝ้าประตูเพียงสองคนและผลัดเวรกันทุกสามชั่วโมง และเพราะอยู่ในส่วนลึกและมีบรรยากาศวังเวงจึงไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปภายในห้องเท่าใดนัก
  • เอลดริดจ์กับลอว์ซัลลิแวนให้ตามกลุ่มทีมหาอีกกลุ่มที่อยู่ชั้น 2 เผื่อเข้าใกล้ 0-8-4 และตรวจสอบว่าเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่ และให้นำอุปกรณ์ตรวจสอบความถี่คลื่นเตรียมมาไปใช้ด้วย
  • ฮาร์เปอร์และคอนนอร์อีกให้สำรวจรอบๆ พื้นที่และชั้น 1 เพื่อคุ้มกันเปิดทางการหลบหนี และคอยรับไฟล์และแบ็คอัพข้อมูลสำรองเอาไว้
          ทั้งนี้ผู้เป็นหัวหน้ายังสั่งการให้ลูกทีมสร้างความปั่นป่วนเล็กๆ น้อยๆ เรื่องภูติผีเพิ่มประสบการณ์เสียวในชีวิตแก่พวกชายชุดดำ 
                                                                                             – อ้างอิงจากรายงานของเอเจนท์ฮาร์เปอร์

0130

อลิสแตร์รับคำสั่งจากเอเจนท์ฮาร์เปอร์ คุ้มกันเอเจนท์มุราคามิขึ้นมาถึงยังห้องสำนักงานที่ตั้งอยู่ในชั้นสามของโกดัง ระหว่างทางพบเห็นชายชุดดำบ้างประปราย แต่ยังไม่ได้ปะทะกับใคร

สถานที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้เมื่อเลี้ยวโค้งไปจะเป็นทางเดินแคบๆไปสู่ห้องสำนักงานยาวประมาณ50เมตรซึ่งระหว่างทางจะมีตรอกซอกซอยเชื่อมอยู่เป็นระยะๆ ประตูทางเข้าห้องเป็นประตูเหล็กหนา มีกรอบหน้าต่างเล็กๆที่ระดับศีรษะตรงกลางเป็นกระจกกันกระสุน อลิสแตร์ชะโงกหน้าออกจากมุมหลบเห็นว่าข้างในห้องไม่มีคนอยู่แน่ ยก .45 ติดที่เก็บเสียงไว้พร้อมขึ้นเล็ง ออกสำรวจไปยังซอกซอยต่างๆ เขาแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้แน่จึงกวักมือเรียกให้เอเจนท์มุราคามิตามมา

เขายืนคุมเชิงอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ พร้อมจะยิงทุกเมื่อหากมีชายชุดดำโผล่มา รอเอเจนท์อีกนายแฮ็คทางเข้าประตู การแฮ็คผ่านไปได้ด้วยดี เขาส่งสัญญาณบอกให้เอเจนท์ชาวเอเชียรู้ว่าเขาจะเฝ้าอยู่ข้างนอกนะ

เขามองดูเวลา ผ่านไปหลายนาทีแล้ว ยังไม่เสร็จ เขาหันไปส่งสัญญาณถามผ่านช่องหน้าต่างประตูว่าอีกนานไหม แต่เหมือนเอเจนท์มุราคามิจะคร่ำเคร่งกับการเจาะระบบมากจนไม่เห็นสิ่งที่เขาถาม เขามองดูนาฬิกาข้อมืออีก ไม่มีใครรู้ว่าชายชุดดำจะกลับมาเมื่อไหร่ ทางไหน ถ้าจะต้องเกิดการปะทะกันในทางเดินแคบๆ เขาอาจจะได้เปรียบ ก็จริง แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ชอบการเซอร์ไพรส์

เขาได้ยินเสียงฝีเท้า ไม่ใช่แค่ของคนหนึ่งคน แต่เป็นกลุ่ม เคลื่อนที่มาทางเขา

“เออ ใช่ เพิ่งนึกขึ้นได้ ลืมของไว้ในห้องประชุมว่ะ” เสียงแว่วมาจากซอยที่ถัดอยู่ถัดไปอีกสิบเมตรทางขวามือของห้องสำนักงาน

“ไปกันก่อนเลยเว่ย เดี๋ยวตามไป” เสียงเดิมตะโกนบอกเพื่อนในกลุ่ม

อลิสแตร์เดาว่าห้องประชุมที่คนคนนี้กล่าวถึงน่าจะเป็นห้องสำนักงานที่ตนเฝ้าอยู่ หันไปมองในห้องมุราคามิก็ยังไม่เสร็จ จะทิ้งมุราคามิไว้แล้วไปหลบอีกซอยนึงก่อนค่อยโผล่มาน็อคชายชุดดำก็ดูจะเสี่ยงเกินไป ไม่รู้ว่ากลุ่มชายชุดดำที่เดินตามมาด้วยจะไปทางไหนต่อ จะเห้นตนรึเปล่า เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปในห้องนั้น สั่งให้มุราคามิมุดไปอยู่ใต้โต๊ะ แล้วตนไปหลบอยู่ข้างประตู รอจังหวะที่เหมาะสม

วันนี้เป็นวันที่ดีวันหนึ่งของแอนดรูว์ เขาทำการสำรวจโกดังในส่วนของตนเสร็จไปเพิ่มอีกหนึ่งส่วน ถือว่าทำงานได้เร็วเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับทีมอื่น โบนัสท้ายปีไม่รอดตกเป็นของทีมเขา แล้วตัวเขาในฐานะผู้วางแผนสำรวจประจำทีมจะได้เปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นจากกำไรที่ได้จากโปรเจ็คนี้ ถ้าไม่ติดว่าที่นี่มีกฎไม่เข้าท่าเรื่องคนทุกคนที่ทำงานให้ทีมสำรวจจะต้องใส่ชุดดำ แอนดรูว์จะใส่เสื้อสีสดใสมาพร้อมกับออร่าที่เปล่งประกาย ชนิดที่ออร่าของโทนี่สตาร์คก็กลบความแฮปปี้สุดๆของแอนดรูว์เอาไว้ไม่ได้ เขากำลังจะออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อนแต่เผอิญว่าเขาลืมเอกสารงานไว้ในห้องประชุม ด้วยความที่เป็นคนรับผิดชอบแอนดรูว์จึงต้องการกลับมาเก็บเอกสารงานของตนให้เรียบร้อยเสียก่อน

คีย์การ์ดแนบกับตัวสแกน ประตูเปิดออก แอนดรูว์เห็นแล้วว่าเอกสารที่ตนต้องการอยู่ตรงไหน จึงไม่ได้หันหลังกลับไปเปิดไฟ ขณะที่เขากำลังจัดเรียงเอกสารดังกล่าวอยู่ เขาเหลือบไปเห็นไฟจากโน้ตบุ๊คที่ใช้บันทึกรายงานการประชุมยังติดอยู่

“เมื่อกี้เราปิดมันไปแล้วนี่น—-” อะไรบางอย่างมารัดคอเขา เขาหายใจไม่ออก มือป้อมเหนี่ยวรั้งสิ่งที่กำลังรัดคอเขา เขาแค่ต้องการอากา— สายตาของแอนดรูว์เริ่มพล่าเลือน แล้วโลกทั้งใบจะดับวูบลงไป

อลิสแตร์ค่อยๆวางร่างที่หมดสติของชายชุดดำลง มุราคามิโผล่ขึ้นมาจากใต้โต๊ะ แล้วทำการเจาะคอมต่อซึ่งเสร็จในสุด อลิสแตร์ไม่แม้แต่จะเสียเวลาลากร่างหมดสติของชายชุดดำไปซ่อนไว้ เขาส่งข้อความไปให้เอเจนท์ฮาร์เปอร์เพื่อยืนยันการเสร็จสิ้นภารกิจ

เขากับมุราคามิกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้อง ตัดสินใจกลับทางเดิม พวกเขาวิ่งลัดเลาะไปเรื่อยๆตามทางเดิม พอถึงบันไดทางลงระหว่างชั้นสามกับสอง เสียงฝีเท้าที่เกิดจากการกึ่งเดินกึ่งวิ่งของพวกเขาดังเกิน จนทำให้ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนอีกกลุ่มที่กำลังใกล้เข้ามา พวกเขาหักเลี้ยวเพื่อที่จะลงบันไดไปชั้นสองพอดีกับที่ชายชุดดำอีกกลุ่มที่อยู่ไม่ไกลนักเลี้ยวโค้งมา ข้อผิดพลาดโง่ๆ อลิสแตร์ก่นด่าตัวเองในใจก่อนจะให้มุราคามิวิ่งนำลงบันไดไปก่อน กลุ่มชายชุดดำที่เพิ่งตั้งสติได้ก็เฮละโลตามมา อลิสแตร์ยิงขาร่วงไปสองคนก่อนจะหันไปยิงคนที่กำลัวจะวอรายงานว่ามีผู้บุกรุกเข้าที่หัวอีกหนึ่ง แล้วจึงวิ่งตามมุราคามิลงไป

พวกเขาวิ่งลงมาถึงชั้นหนึ่งผ่านห้องส่วนที่เป็นโรงงานเย็บจักร ชายชุดดำวิ่งตามลงมาติดๆ เหมือนพวกนั้นเพิ่งนึกได้ว่าควรหยิบปืนออกมายิง เขาอดถอนหายใจกับเจ้าหน้าที่ที่นี่ไม่ได้จริงๆ กระสุนห่าแรกมา .. แล้วก็ผ่านไป เห็นว่าคนที่วิ่งอยู่ข้างหน้ายังปลอดภัยดี ตัวเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาหยุดเป็นระยะเพื่อหาที่หลบยิงตอบโต้ แต่กำชับให้มุราคามิวิ่งไปเลย ไม่ต้องรอ

เขาปาแก๊สน้ำตาดักพวกชายชุดดำเอาไว้ ยิงหลอกอีกสองสามที แล้ววิ่งมุ่งไปยังจุดนัดพบที่เอเจนท์ฮาร์เปอร์กับเอเจนท์คอนเนอร์รออยู่ เขาเห็นหลังของเอเจนท์มุราคามิอยู่ไม่ไกล จึงเร่งสปีดเต็มที่หวังจะให้ทัน

เหมือนชายชุดดำกลุ่มนี้จะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เพราะเสียงเอ็ดตะโลที่ไล่หลังมาไม่ได้เกิดจากสมาชิกในทีมเขาแน่นอน เขาวิ่งนำเอเจนท์มุราคามิไปในที่สุด ถึงก่อนกันแค่ไม่กี่วินาที สบายใจที่เห็นเอเจนท์ชาวเอเซียที่ลงไปหมดสภาพได้อย่างไรไม่ทราบมีเอเจนท์คอนเนอร์ช่วยพาเข้าที่กำบังเรียบร้อยแล้ว เขาคว้าแว่นตาอินฟาเรดที่วางอยู่แถวนั้นมาสวม บรรจุแม็กกาซีนใหม่ให้.45ตัวโปรดอย่างชำนาญ ยกลำกล้องขึ้นอยู่ในท่าเตรียมพร้อม

กลุ่มชายชุดดำที่วิ่งตามมาชะลอตัวแล้วหยุดอยู่ไม่ห่างจากแนวล่องหนที่อลิสแตร์และเอเจนท์ฮาร์เปอร์ฟอร์มไว้มากนัก สัญชาตญานทำให้พวกมันฟอร์มตัวเป็นไลน์เหมือนกัน ทำให้เรารู้ว่าพวกมันมีกันเจ็ดคน

ไม่ใช่มืออาชีพ ยังลังเลทั้งๆที่เมื่อครู่เราเปิดช่องไว้ตั้งมากมาย  

ความตึงเครียดก่อตัวขึ้นระหว่างไลน์ทั้งสอง ใกล้ถึงจุดแตกหักเต็มที

“คุณเอาไปสามแล้วเปิดทางให้คนที่เหลือ” สิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนที่การจู่โจมจะเริ่มขึ้น

ทำตามอย่างที่ได้รับมอบหมาย ใจเขานิ่งสงบคำนวนการโจมตี เขาเลือกยิงคนที่กระโจนเข้าหาเขาคนแรกที่หน้าอก นัดที่หนึ่งยังไม่ล้มจึงซำ้อีกนัดแล้วหันไปจัดการกับผู้กล้าคนถัดไปที่โถมตัวเข้าหาเขาพร้อมกับมีดในมือ เขาหักตัวหลบอย่างรวดเร็วทำให้ชายมือมีดถลาไปข้างหน้า เขาบิดตัวหันไปทุบต้นคออีกฝ่ายด้วยสันปืนล้มหมดสติไป เขาได้ยินเสียงคำรามจากด้านหลัง เขาหันกลับไปเจอชายชุดดำคนที่สามกำลังแกว่งมีดบัตเตอร์ฟลายไปมา พร้อมส่งเสียงขู่เป็นระยะๆ ทำอย่างนี้อยู่นานจนเขาเริ่มเบื่อเลยยิงเข้าที่หน้าอกสองนัด เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการ

อดีตนาวิกเดินเข้าไปเช็คผู้รอดชีวิตคนเดียวที่ยังเหลืออยู่และทำท่ากำลังจะฟื้น เหมือนจะเพิ่งนึกออกลางๆว่าเอเจนท์ฮาร์เปอร์ต้องการให้จับเป็น มองศพสองศพที่มีรูบนหน้าอกคนละสองรูแล้วแอบรู้สึกผิดเล็กๆ เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงอดีตมือมีด เขาเตะของมีคมให้พ้นจากมือของชายคนดังกล่าวที่หมดสติ เหลือแต่รอเอเจนท์ฮาร์เปอร์ให้เคลียร์ปัญหาทางนั้นให้เสร็จแล้วมาสรุปงาน

คนที่เขากำลังนึกถึงไม่ทำให้ผิดหวัง ชายผมสีซีดปรากฏตัวพร้อมกับชายในชุดดำอีกคนในอ้อมแขน เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขาเองก็จับเป็นไว้คนนึงก็ดูจะพอใจใช่น้อย

ชายนิรนามในชุดดำทั้งสองฟื้นแล้ว ถูกบังคับให้นั่งในท่าคุกเข่า และมีเอเจนท์ตืดอาวุธคุมอยู่ข้างหลัง

“มีอะไรอยากพูดไหมครับ?” เอเจนท์ฮาร์เปอร์ถามด้วยน้ำเสียงปกติ

ไม่มีใครยอมปริปาก ทันใดนั้นดวงตาของทั้งสองเบิกโพล่ง นิ้วมือหงิกเกร็งทิ้งตัวล้มหมดสภาพ ดิ้นอย่างอนาถอยู่สองทีแล้วแน่นิ่งไปในที่สุด

0350

เขาช่วยขนศพชายชุดดำที่เสียชีวิตอย่างปริศนาขึ้นรถตู้ที่จอดไว้ใกล้โกดังไปขนย้ายต่อด้วยเฮลิคอปเตอร์เพื่อนำไปชันสูตรที่ชีลด์อีกครั้งหนึ่ง

คนในทีมได้ช่วยกันสรุปออกมาเป็น final report ดังนี้

      ข้อมูลที่จารกรรมมาได้เป็นแผนภาพการเข้าสำรวจของคนชุดดำ มีการค้นหาและทำลายข้าวของข้างใน มีคลื่นพลังงานถูกปล่อยออกมาโดยเวลาที่ปล่อยนั้นไม่เป็นระบบ และช่วงระยะเวลาการปล่อยคลื่นไม่เท่ากัน อีกทั้งแหล่งพลังงานที่เกิดไม่สามารถระบุพิกัดที่แน่นอนได้ สันนิฐานว่าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่ใช้ผลิตอาวุธในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง การค้นหาไม่สามรถหาต่อไปได้เพราะพื้นที่ถูกระเบิดทำลายไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่า 0-8-4 ในภารกิจนี้แบ่งออกเป็นสามกรณีคือ ถูกทำลายไปแล้ว ยังอยู่ที่เดิมแต่ไม่สามารถไปค้นหาได้ในเวลานี้ หรือถูกขนย้ายไปแล้วจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย บวกกับข้อมูลการวินิจฉัยสาเหตุการตายของชายชุดดำทั้งสอง พวกเขาตายด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน


0800

วันนี้เขาตื่นสายกว่าปกติ อันที่จริง ถ้าเราไม่ได้นอนก็ไม่ควรใช้คำว่าตื่น เมื่อรุ่งสางกว่าเขาจะถึงแฟล็ตก็ปาเข้าไปหกโมงเช้า แล้ว เวลาสองชั่วโมงนิดๆ หักเวลาอาบน้ำไปอีกสิบนาที เวลานอนเขาไม่เหลือแล้วจริงๆ เขาเปิดทีวีดูข่าวตอนเช้าพร้อมกับเริ่มกิจวัตรประวันตามปกติ เขากำลังอุ่นเบเกิ้ล ตอนที่ได้ยินข่าวเรื่องไฟไหม้ใหญ่ที่โกดังย่านแมนฮัตตัน ในข่าวรายงานถึงกองถ่ายเรื่องเฮี้ยนที่เล่นพิเรนเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ สุดท้ายตำรวจท้องที่พบร่างไหม้เกรียมจำนวนเจ็ดร่างซึ่งเชื่อว่าเป็นร่างของสมาชิกกองถ่ายนี้ จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเขาก็ไม่ชินกับการกลบข่าวเว่อๆแบบนี้สักทีล่ะนะ ภาพตัดจากคลิบกองเพลิงที่มีชาวบ้านบันทึกไว้ได้ ไปสัมภาษณ์เด็กวัยรุ่นสองคนนั้นในฐานะที่เป็นพยานปากเอกเป็นคนปล่อยข่าวทำให้คนเจ็ดคนนี้ไปตาย กลายเป็นวิญญาณแค้นเฝ้าโกดังไป

เขาอดขำไม่ได้จริงๆ เป็นสมัยก่อนเขาคงคิดว่าเรื่องพวกนี้มันไร้สาระ คนอื่นก็เหมือนกัน แต่ตั้งแต่มีเอเลียนถล่มนิวยอร์ค แล้วถูกหยุดยั้งโดยซุปเปอร์ฮีโร่ในชุดคอสตูม Anything is possible.